วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เซอร์เบอรัส

สัตสัตว์ร้ายแห่งเชโวดอง


                เมื่อปี ค.ศ.1764 ที่เมืองเ
ตำนานสัตว์ประหลาด
เซอร์เบอรัส หรือ เคอร์เบอรอส (อังกฤษ: Cerberus ; กรีก: Κέρϐερος (Kerberos) แปลว่า ปีศาจในหลุม) เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก มีรูปร่างเป็นสุนัขสีดำใหญ่โตพ่วงพี มี 3 หัว ปลายสุดของหางเป็นงู (บางตำนานว่าเป็นหางมังกร) เซอร์เบอรัสมีหน้าที่เฝ้าทางลงสู่นรกที่หน้าประตูทางเข้า ตรุทาร์ทะรัส
เซอร์เบอรัสเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของฮาเดส (Hades) มันจะยอมให้วิญญาณของคนทุกคนเข้าประตู แต่จะไม่ยอมให้กลับออกมาเป็นอันขาด เมื่อไปถึงประตูนี้ วิญญาณแต่ละดวงจะถูกพาไปรับคำพิพากษาของ สามเทพสุภาคือ ราดาแมนทีส ,ไมนอส และ ไออาคอส. วิญญาณที่ชั่วร้ายจะถูกพิพากษาให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในตรุทาร์ทะรัสไปชั่ว กัลป์ ส่วนวิญญาณที่ดีจะได้รับคำพิพากษาให้พาไปอยู่ยัง ทุ่งอีลิเซียน แดนสุขาวดีของกรีก
เซอร์เบอรัสยังเป็นภาระกิจที่ 12 ของเฮราคลีสอีกด้วย เรื่องราวก็เนื่องจาก เทพีเฮรากลั่นแกล้งให้เฮราคลีสวิกลจริต และทำความผิดหลาย อย่าง เช่น ฆ่าทายาทของตัวเอง, เฮราคลีสจึงต้องรับโทษ โดยให้อยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์ที่อ่อนแอ เป็นเวลาถึง 12 ปี และต้องทำภาระกิจ 12 ประการให้เสร็จสมบูรณ์ จึงจะพ้นโทษ ภารกิจ 12 ประการนั้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการพิชิตปีศาจ หรือไม่ก็สยบสัตว์อิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ การจับเซอร์เบอรัสมาให้กษัตริย์ของเขาก็เป็นหนึ่งในภาระกิจด้วย และเฮราคลีสก็สามารถจับเซอร์เบอรัสได้ด้วยพลังอันมหาศาลของเขา นอกจากเฮราคลีสแล้ว ออร์ฟิอุสเคยใช้เสียงเพลงสะกดเซอร์เบอรัสให้เชื่องขณะเข้าไปในยมโลกเพื่อคืน ชีพให้คนรัก ในตำนานของโรมัน ไซคีได้ทำให้เซอร์เบอรัสหลับด้วยเค้กน้ำผึ้งใส่ยานอนหลับ

เซอร์เบอรัส (ปุกปุย) นิยายชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์แม่ของเซอร์เบอรัสเป็นอสุรกายชื่อ อีคิดน่า (กรีก: Echidna) เป็นพี่น้องของพวกกอร์กอนส์ทั้งสาม อีคิดน่ารูปร่างหน้าตาสวยงามเฉพาะท่อนบน แต่ท่อนล่างลงมาเป็นงูยักษ์มหึมา และได้มามีสัมพันธ์กับอสุรกายอีกตนหนึ่งคือ ไทฟอน (Typhon) ซึ่งลูกๆของไทฟอนและอีคิดน่าล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดดุร้าย นอกจากเซอร์เบอรัสแล้วก็คือ ไฮดรา, ออทรัส, สิงโตเนเมีย, ไคเมร่า และ สฟิงซ์ แต่นอกจากเซอร์เบอรัสซึ่งได้เป็นสัตว์เลี้ยงของฮาเดสแล้ว พี่น้องทั้งหมดของเซอร์เบอรัสก็ถูกวีรบุรุษในตำนานกรีกสังหารเสียสิ้น

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า นาเบเรียส (Naberius) มาควิสแห่งนรกผู้ช่ำชองในศาสตร์ต่างๆโดยเฉพาะการปลุกภูติผีและเป็นหนึ่งใน 72 ปิศาจซึ่งกล่าวถึงในบท อาร์สโกเอเทีย (Ars Goetia) ของตำรา กุญแจย่อยของโซโลมอน (The Lesser Key of Solomon) ก็คือเซอร์เบอรัสนั่นเอง
ในนิยายและวีดิโอเกม ดิจิตัลเดวิล โมโนกาตาริ: เมกามิเทนเซย์ เซอร์เบอรัสเป็นปิศาจที่อาเคมิ นาคาจิมะ ตัวเอกของเรื่องเรียกมาช่วยในการต่อสู้กับโลกิ และในเกมภาคต่อ ๆ มามักมีเซอร์เบรัสเป็นผู้ช่วยสำคัญเสมอ รูปแบบของเซอร์เบอรัสในเมกามิเทนเซย์ นอกจากที่เป็นสุนัขสามหัวแล้วบางครั้งยังปรากฏตัวเป็นสิงโตสีขาวที่มีหาง เรียวยาวเป็นปล้องในเซนต์เซย่า เซอร์เบรัสเป็นสุนัขเฝ้านรกขุมที่ 2 ที่มี สฟิงซ์ ฟาโรห์ เป็นผู้ดูแล เซอร์เบรัสมีหน้าที่กัดกินคนตายเป็นการลงโทษ เมื่อเซอร์เบรัสได้พยายามกินเพกาซัส เซย่า แต่กินไม่ลงเพราะเซย่ายังไม่ตาย และถูกปราบด้วยโซ่ของอันโดรเมด้า ชุน
ชโวดอง รัฐ Auvergne ซึ่งเป็นย่านภูเขาอยู่ในทางภาคกลางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เวลานั้นเป็นช่วงที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ครองบัลลังก์อยู่พอดิบ พอดี

จู่ๆ ในเวลานั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่โลก(ไม่)ตะลึงเกิดขึ้น มีสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่  ออก อาละวาดไล่ฆ่าผู้คนตายไปหลายราย ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้มาจากที่ไหนเพราะจู่ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนออกจากนรกงั้นแหละ มันทำร้ายมนุษย์และจับสัตว์เลี้ยงไปกินมากมาย ทั้งยังฆ่าผู้คนในเมืองนั้นไปมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรีที่อ่อนแอ

จากสถิติตามคำบอกเล่าเค้าว่าเจ้าอสูรร้ายตัวนี้ได้ปลิดชีพมนุษย์ไปมากกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกว่า 30 คน นับว่ามันน่ากลัวพอสมควรเลย

ส่วนจำนวนของสัตว์ร้าย ตัวนี้มีจำนวนไม่แน่ชัดแต่คาดว่ามันน่าจะมีตัวเดียว และรูปร่างมันมีลักษณะตามคำบอกเล่าของผู้พบเห็น ไม่ตรงกันสักราย แต่ก็พอสรุปว่า
 
มัน เหมือนหมาป่าตัวโตๆ เกือบเท่ากับวัว หัวโตมาก จมูกยาวแหลมและยื่น ขนสีเทา หูสั้นและฟันใหญ่ กรงเล็บขนาดใหญ่แหลมคมและหางยาว ดูเผินๆ แล้วมันก็ดูเหมือนป่าหมาตัวโตๆ ที่โตมาก แต่พิเศษที่ต่างจากหมาป่าทั่วไปคือ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เดินได้ด้วย 2 ขาหลัง !! เหมือนมนุษย์ ไม่มีผิด เคยมีรายงานการพบเห็นที่ว่ามันเดิน 2 ขาและยกแกะไว้ได้ด้วยมือข้างนึง แสดงว่า พละกำลังของมันมีมากกว่าคน (อันหลังน่าจะโม้มากกว่า)

ส่วน มากรายงานการทำสัตว์ร้ายตัวนี้ทำร้ายผู้คนจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่า หรือไม่ก็ทางเดินผ่านระหว่างป่าที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้สัญจรไปมา(สมัยก่อน ฝรั่งเศสยังเป็นป่าเขานี้)  จนผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าใช้ทางเดินที่ต้องผ่านป่าหรือแม้แต่เฉียดกรายเข้าไปใกล้

แน่นอนว่าจะต้องมีการล่าตัว สัตว์ร้าย นี้เกิดขึ้น โดยพรานจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันมายังที่เมืองเชโวดอง เพื่อตามล่ามัน แต่ก็กลับบ้านด้วยมือเปล่าด้วยความผิดหวัง

อองตวน เดอ โบแตร์น (Antoine de Beauterne)เจ้ากรมพรานหลวงและคณะจึงขออาสาล่ามัน แต่ โห! กว่าจะได้ล่ามัน ต้องเดินทางไกลนับสิบกิโล ฝ่าภูมิประเทศที่แสนเลวร้าย อีกทั้งไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านกับเจ้าเมืองอีก จนกระทั้งเขาก็สามารถยิงสัตว์ที่คาดว่าเป็น สัตว์ร้าย ได้สำเร็จ ตัวมันทั้งใหญ่และยาวกว่า 1.80 เมตร และเอาซากศพนั้นไปถวายให้พระเจ้าหลุยส์ทอดพระเนตร

แต่แล้ว ธันวาคม 1765 ชาวบ้านที่นั้นก็ถูก สัตว์ร้าย กลับมาทำร้ายอีก คาดว่าตัวที่อองตวนฆ่าก่อนน่านั้นอาจไม่ใช้ สัตว์ร้าย ตัวจริง
 
ปี 1767 ชาวบ้านไม่ไว้ใจพวกราชสำนักอีกแล้ว จึงรวมตัวกันออกล่าเจ้า สัตว์ร้าย ตัวนั้น แต่กว่าจะล่ามันได้ ก็รอเป็นเดือนๆ จนกระทั้งวันที่ 19 มิถุนายน สัตว์ร้าย ได้โผล่มาใกล้ๆ ลา ซอญ โดแวร์ ใกล้ป่าเตนาเซอเยร นายพรานคนหนึ่งชื่อ ชอง ชาลเตล ที่กำลังอ่านหนังสือพระอยู่ เมื่อเห็นจึงจัดการเป่ามันด้วยปืนคาบสิลา ก่อนที่นำซาก สัตว์ร้าย ตัวนั้นไปยังปราสาทเจ้าเมือง ทำการสตั๊ฟและไปถวายพระเจ้าหลุยส์อีกเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้ซากของมันเกิดการเน่าเพราะสตั๊ฟไว้ไม่ดี รูปร่างก็เปลี่ยนไปมาก พระเจ้าหลุยส์จึงไปฝังเสีย

เป็นอันไม่รู้เลยว่า มันใช่ สัตว์ร้ายแห่งเชโวดองจริงหรือไม่? อีกทั้งยังมีผู้คนที่สงสัยอีกว่าตัวที่นาย ชอง ชาลเตล ได้ฆ่าไปแล้วนั้นมันใช่เจ้าเชโวดองหรือเปล่า? เพราะจากรูปร่างลักษณะแล้วไม่ตรงกันกับผู้ที่เคยเห็นสัตว์ร้ายนี่มาก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ มันต่างกันนั่นเอง

ไม่รู้ว่ามันคือ สัตว์ร้าย ตัวจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าสัตว์ร้าย ก็ไม่มาอาละวาดให้ผู้คนในเชโวดองอีกแล้ว ตลอดกาล..........

แต่.......................
 
เรื่องนี้ยังไม่จบ แม้เหตุร้ายจะผ่านไปนานนับศตวรรษแล้ว แต่พวกนักคติชาวบ้านศึกษา และนักสัตว์ลึกลับวิทยา ก็ยังศึกษาว่าแท้จริงแล้ว สัตว์ร้าย ตัวนี้มันเป็นตัวอะไรกันแน่ และแล้วข้อสันนิษฐานก็เกิดขึ้นแบบเถียงกันไม่รู้จบ

ตัวอย่าง

ปี 1765 นายเชร์แว ฟรัวซัวมาเญ นักล่าสัตว์แต่ใฝ่ศึกษา ได้รวบรวมข้อมูลและบันทึกไว้ สรุปเองว่า มันน่าจะเป็นไฮยีน่าที่หลุดออกจากสวนสัตว์ของกัตริย์แห่งวาร์ดิเนีย(ภายหลังพบว่าไม่มีสวนสัตว์ที่ว่านั้นที่เชโวดอง)

ปี 1936 อ าเบล เชวายี นักแต่งนิยายที่เคยเอาเรื่องสัตว์ร้ายเชโวดองไปแต่งนิยายโดยให้ซอง ชาลเตล เป็นพระเอก ให้ความเห็นว่ามันน่าจะเป็นไฮยีน่าโบราณ

                เชล เมอร์เก นักคติชาวบ้านวิทยา บอกว่า มันแค่หมาป่าธรรมดา แต่นิสัยแค่เหมือนไฮยีน่าแค่นี้แหละ)

                ปี 1819 ฟรานซ์ ชูเลียง นักสตั๊ฟสัตว์ของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติออกมาอ้างว่าเขาพบซาก สัตว์ร้ายตัวนั้น และทำการตรวจสอบพบว่ามันคือ ไฮยีนาลาย (แต่ไม่มีรูปมายืนยัน)

นอกจากนิยาย สัตว์ร้ายแห่งชโวดอง นี้ได้กลายเป็นบทละครด้วย ในปี 1809 เนื้อเรื่อง มีอยูว่าเสนาบดีกังฉินแห่งเชแวนสมคบคิดนายพลช่วยอยากหักหลังเจ้านายตน จึงปล่อยสัตว์ร้ายจากแดนไกลที่เชโวดอง เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจผิด และรุกขึ้นต่อต้านเจ้านายของนายพล   

นอกจากนี้สัตว์ร้ายแห่งเชโวดองจะเป็นอนุสารณ์อีกน่ะครับ (ที่ไหนก็ไม่สิ)

ฯลฯ

แต่ ก็นะครับ หลังจากนั้นเป็นต้นมาข่าวคราวและข่าวลือของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็ได้เลือน หายไปตามกาลเวลา ทิ้งไว้แต่เรื่องเล่า ที่เป็นตำนานหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ เชโวดอง ณ ประเทศฝรั่งเศสและเล่าขานต่อกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
ว์ร้ายแห่งเชโวดอง


                เมื่อปี ค.ศ.1764 ที่เมืองเชโวดอง รัฐ Auvergne ซึ่งเป็นย่านภูเขาอยู่ในทางภาคกลางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เวลานั้นเป็นช่วงที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ครองบัลลังก์อยู่พอดิบ พอดี

จู่ๆ ในเวลานั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่โลก(ไม่)ตะลึงเกิดขึ้น มีสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่  ออก อาละวาดไล่ฆ่าผู้คนตายไปหลายราย ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้มาจากที่ไหนเพราะจู่ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนออกจากนรกงั้นแหละ มันทำร้ายมนุษย์และจับสัตว์เลี้ยงไปกินมากมาย ทั้งยังฆ่าผู้คนในเมืองนั้นไปมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรีที่อ่อนแอ

จากสถิติตามคำบอกเล่าเค้าว่าเจ้าอสูรร้ายตัวนี้ได้ปลิดชีพมนุษย์ไปมากกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกว่า 30 คน นับว่ามันน่ากลัวพอสมควรเลย

ส่วนจำนวนของสัตว์ร้าย ตัวนี้มีจำนวนไม่แน่ชัดแต่คาดว่ามันน่าจะมีตัวเดียว และรูปร่างมันมีลักษณะตามคำบอกเล่าของผู้พบเห็น ไม่ตรงกันสักราย แต่ก็พอสรุปว่า
 
มัน เหมือนหมาป่าตัวโตๆ เกือบเท่ากับวัว หัวโตมาก จมูกยาวแหลมและยื่น ขนสีเทา หูสั้นและฟันใหญ่ กรงเล็บขนาดใหญ่แหลมคมและหางยาว ดูเผินๆ แล้วมันก็ดูเหมือนป่าหมาตัวโตๆ ที่โตมาก แต่พิเศษที่ต่างจากหมาป่าทั่วไปคือ เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้เดินได้ด้วย 2 ขาหลัง !! เหมือนมนุษย์ ไม่มีผิด เคยมีรายงานการพบเห็นที่ว่ามันเดิน 2 ขาและยกแกะไว้ได้ด้วยมือข้างนึง แสดงว่า พละกำลังของมันมีมากกว่าคน (อันหลังน่าจะโม้มากกว่า)

ส่วน มากรายงานการทำสัตว์ร้ายตัวนี้ทำร้ายผู้คนจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่า หรือไม่ก็ทางเดินผ่านระหว่างป่าที่ผู้คนจำเป็นต้องใช้สัญจรไปมา(สมัยก่อน ฝรั่งเศสยังเป็นป่าเขานี้)  จนผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าใช้ทางเดินที่ต้องผ่านป่าหรือแม้แต่เฉียดกรายเข้าไปใกล้

แน่นอนว่าจะต้องมีการล่าตัว สัตว์ร้าย นี้เกิดขึ้น โดยพรานจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันมายังที่เมืองเชโวดอง เพื่อตามล่ามัน แต่ก็กลับบ้านด้วยมือเปล่าด้วยความผิดหวัง

อองตวน เดอ โบแตร์น (Antoine de Beauterne)เจ้ากรมพรานหลวงและคณะจึงขออาสาล่ามัน แต่ โห! กว่าจะได้ล่ามัน ต้องเดินทางไกลนับสิบกิโล ฝ่าภูมิประเทศที่แสนเลวร้าย อีกทั้งไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านกับเจ้าเมืองอีก จนกระทั้งเขาก็สามารถยิงสัตว์ที่คาดว่าเป็น สัตว์ร้าย ได้สำเร็จ ตัวมันทั้งใหญ่และยาวกว่า 1.80 เมตร และเอาซากศพนั้นไปถวายให้พระเจ้าหลุยส์ทอดพระเนตร

แต่แล้ว ธันวาคม 1765 ชาวบ้านที่นั้นก็ถูก สัตว์ร้าย กลับมาทำร้ายอีก คาดว่าตัวที่อองตวนฆ่าก่อนน่านั้นอาจไม่ใช้ สัตว์ร้าย ตัวจริง
 
ปี 1767 ชาวบ้านไม่ไว้ใจพวกราชสำนักอีกแล้ว จึงรวมตัวกันออกล่าเจ้า สัตว์ร้าย ตัวนั้น แต่กว่าจะล่ามันได้ ก็รอเป็นเดือนๆ จนกระทั้งวันที่ 19 มิถุนายน สัตว์ร้าย ได้โผล่มาใกล้ๆ ลา ซอญ โดแวร์ ใกล้ป่าเตนาเซอเยร นายพรานคนหนึ่งชื่อ ชอง ชาลเตล ที่กำลังอ่านหนังสือพระอยู่ เมื่อเห็นจึงจัดการเป่ามันด้วยปืนคาบสิลา ก่อนที่นำซาก สัตว์ร้าย ตัวนั้นไปยังปราสาทเจ้าเมือง ทำการสตั๊ฟและไปถวายพระเจ้าหลุยส์อีกเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้ซากของมันเกิดการเน่าเพราะสตั๊ฟไว้ไม่ดี รูปร่างก็เปลี่ยนไปมาก พระเจ้าหลุยส์จึงไปฝังเสีย

เป็นอันไม่รู้เลยว่า มันใช่ สัตว์ร้ายแห่งเชโวดองจริงหรือไม่? อีกทั้งยังมีผู้คนที่สงสัยอีกว่าตัวที่นาย ชอง ชาลเตล ได้ฆ่าไปแล้วนั้นมันใช่เจ้าเชโวดองหรือเปล่า? เพราะจากรูปร่างลักษณะแล้วไม่ตรงกันกับผู้ที่เคยเห็นสัตว์ร้ายนี่มาก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ มันต่างกันนั่นเอง

ไม่รู้ว่ามันคือ สัตว์ร้าย ตัวจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าสัตว์ร้าย ก็ไม่มาอาละวาดให้ผู้คนในเชโวดองอีกแล้ว ตลอดกาล..........

แต่.......................
 
เรื่องนี้ยังไม่จบ แม้เหตุร้ายจะผ่านไปนานนับศตวรรษแล้ว แต่พวกนักคติชาวบ้านศึกษา และนักสัตว์ลึกลับวิทยา ก็ยังศึกษาว่าแท้จริงแล้ว สัตว์ร้าย ตัวนี้มันเป็นตัวอะไรกันแน่ และแล้วข้อสันนิษฐานก็เกิดขึ้นแบบเถียงกันไม่รู้จบ

ตัวอย่าง

ปี 1765 นายเชร์แว ฟรัวซัวมาเญ นักล่าสัตว์แต่ใฝ่ศึกษา ได้รวบรวมข้อมูลและบันทึกไว้ สรุปเองว่า มันน่าจะเป็นไฮยีน่าที่หลุดออกจากสวนสัตว์ของกัตริย์แห่งวาร์ดิเนีย(ภายหลังพบว่าไม่มีสวนสัตว์ที่ว่านั้นที่เชโวดอง)

ปี 1936 อ าเบล เชวายี นักแต่งนิยายที่เคยเอาเรื่องสัตว์ร้ายเชโวดองไปแต่งนิยายโดยให้ซอง ชาลเตล เป็นพระเอก ให้ความเห็นว่ามันน่าจะเป็นไฮยีน่าโบราณ

                เชล เมอร์เก นักคติชาวบ้านวิทยา บอกว่า มันแค่หมาป่าธรรมดา แต่นิสัยแค่เหมือนไฮยีน่าแค่นี้แหละ)

                ปี 1819 ฟรานซ์ ชูเลียง นักสตั๊ฟสัตว์ของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติออกมาอ้างว่าเขาพบซาก สัตว์ร้ายตัวนั้น และทำการตรวจสอบพบว่ามันคือ ไฮยีนาลาย (แต่ไม่มีรูปมายืนยัน)

นอกจากนิยาย สัตว์ร้ายแห่งชโวดอง นี้ได้กลายเป็นบทละครด้วย ในปี 1809 เนื้อเรื่อง มีอยูว่าเสนาบดีกังฉินแห่งเชแวนสมคบคิดนายพลช่วยอยากหักหลังเจ้านายตน จึงปล่อยสัตว์ร้ายจากแดนไกลที่เชโวดอง เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจผิด และรุกขึ้นต่อต้านเจ้านายของนายพล   

นอกจากนี้สัตว์ร้ายแห่งเชโวดองจะเป็นอนุสารณ์อีกน่ะครับ (ที่ไหนก็ไม่สิ)

ฯลฯ

แต่ ก็นะครับ หลังจากนั้นเป็นต้นมาข่าวคราวและข่าวลือของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ก็ได้เลือน หายไปตามกาลเวลา ทิ้งไว้แต่เรื่องเล่า ที่เป็นตำนานหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ เชโวดอง ณ ประเทศฝรั่งเศสและเล่าขานต่อกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น